ผ้าม่านจีบ

ผ้าม่านจีบรางโชว์

ผ้าม่านจีบรางโชว์ เป็นรูแบบคลาสสิกที่นิยมอีกรูปแบบ ความสวยงามเกิดจากการผสมกันระหว่างผ้าและราง ผ้าจะได้ความอ่อนนุ่ม นุ่มนวล ให้ความพริ้วไหว ส่วนตัวรางจะช่วยเพิ่มความหรูหรา สวยงาม ได้ความคลาสสิก ทำให้ชุดผ้าม่านมองโดดเด่น สวย มีสไตล์ และได้ความสวยงามในรูปแบบของม่านแบบเดิม ๆ ง่ายๆ ซึ่งการทำรางม่านยุคแรกๆ จะใช้รางทรงกลม มีผ้ามาพาด หรือทำหู หรือไม่ก็แบบสอดรางตามรูของผ้าม่าน เพื่อใช้กันร้อน กันแสง กันแดด 

ผ้าม่านแบบรางโชว์ ตัวรางจะมีความแข็งแรงมากกว่ารางประเภทอื่น จะให้ความทนทนทาน ไม่เสียหายง่าย มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน รางผ้าม่านชนิดนี้ เป็นอีกประเภทที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความสวยงามของราง ไม่ว่าจะเป็นหัวราง ต้วรางเอง และอุปกรณ์เสริม เช่น ตะขอสายรวบ สายรวมม่าน ด้ามจูง มีจุดที่เด่นที่สุดค่อหัวราง มีสวยๆงาม มีแบบให้เลือกอย่างหลากหลาย มากกว่ารางชนิดอื่น

ตกแต่ง ติดตั้งได้อย่างหลากหลาย

การติดตั้ง สามารถทำได้ทั้งผนังและเพดาน มีความยีดหยุ่นมากขี้น นำไปสู่การตกแต่งที่สวยงามลงตัวมากขึ้น จากภาพจะเห็นว่า ผ้าม่านส่วนของหัวผ้าและรางจะถูกซ่อนภายในบัวไม้ มองไม่เห็นราง โดยรางจะใช้วิธียึดเพดาน ซึ่งต้องเตรียมพื้นที่รองรับราง โดยต้องทำโครงรับผ้าม่านและราง ก่อนปิดฝ้า เมื่อติดรางก็สามารถยึดรางเข้ากับฝ้าได้เลย รางก็จะแนบกับฝ้า จะได้งานที่เรียบร้อย บางคนอาจไม่ได้ทำไว้ก่อน เมื่อต้องติดราง ไม่มีโครงหรือส่วนที่แข็งแรง รับหนักหนักผ้าและรางได้ รางอาจหลุดได้ อาจสร้างความเสียหายให้กับฝ้าอีก ฉนั้นเมื่อต้องการตกแต่ง หรือต้องติดม่านบนเพดาน ควรต้องทำพื้นที่รองรับไว้ตั้งแต่เริ่มต้น

จับจีบ 3 จีบ

ผ้าม่านจีบ (Pleated Curtains) เกิดการจับผ้าทบเป็นจีบ 3 จีบ (Triple Pinch Style) อยู่ที่หัวผ้าม่านหรือด้านบนของผ้าม่าน การจับจีบจำนวน 3 จีบ เป็นแบบมาตรฐานที่นิยมในบ้านเรา ส่วนสำคัญการที่จะแขวนม่านเข้ากับราง ต้องมีตะขอสำหรับแขวนติดกับตัวราง หลักๆผ้าม่านจีบจะใช้ตะขอสำหรับแขวนกับรางม่านมีอยู่ 3 ชนิด มีตะขอธรรมดา ตะขอเพดาน และตะขอโทโซ่ ตามลักษณะของรางม่าน 

การรีดจีบของผ้าม่านแบบจับจีบ ทำได้ 3 แบบ

แบบที่ 1  แบบรีดจีบให้เป็นสันคม โดยการจับผ้าทบสลับหน้าหลังคล้ายหีบเพลง ตามระยะของจีบหลังการแบ่งช่องห่างเรียบร้อยแล้ว จัดให้เข้ารูปแล้ว ใช้เตารีดไอน้ำรีดเน้นรอยจีบให้คมเหมือนรีดแขนเสื้อประมาณนั้น เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องใช้เวลาพอประมาณ ทำแบบเดียวกันทั้งผืน ก็จะได้จีบที่เป็นสันคม ที่ให้ความสวยงามเป็นระเบียบตามแบบที่นิยมทำ  

แบบที่ 2 แบบจับลอน คือไม่รีดจีบ หลังจากรีดให้เรียบทั้งผืนแล้ว ก็มาหาระยะห่างที่ชายผ้าด้านล่างของผ้าตามระยะของจีบด้านบน ได้แล้ว นำผ้าขึ้นแขวนที่รางม่าน เพื่อล๊อกจีบ หรือลอนม่าน เริ่มที่ชายล่างสุด ทำเช่นเดียวยกันทั้งผืน เสร็จแล้วมัดรวมกัน ต่อจากนั้น ระหว่างกลางบน-บนล่าง ให้ทำเช่นเดียวกันแบบด้านล่าง พอได้ที่ก็มัดด้วยเชือก

แบบที่3 แบบไม่รีดจีบและไม่จับลอน หลังจากรีดเรียบทั้งผืนแล้ว หลังจากขึ้นแขวน จะปล่อยให้ทิ้งตัวเองตามธรรมชาติ ตามน้ำหนักผ้า ก็จะให้ความสวยงามอีกรูปแบบ ที่มองเป็นธรรมชาติของผ้ามากกว่าการรีดจีบและจับลอน  

ทำแบบ 3 ชั้น ผ้าทึบ ผ้าโปร่ง กระโปร่ง

ผ้าม่านจีบทำแบบ 3 ชั้น

• ชั้นแรก (ในสุดติดผนัง) เป็นผ้าม่านโปร่ง ผ้าที่ใช้สำหรับกรองแสง ส่วนใหญ่ใช้เป็นสีขาว ขาวออฟไวท์ หรือสีอ่อนให้เข้ากับบรรยากาศหรือความต้องการ เป็นส่วนที่ทำให้ชุดผ้าม่านสมบูรณ์และเพิ่มความสวยงามให้กับผ้าม่านชุดนั้น
• ชั้นที่ 2 (กลาง) เป็นผ้าทึบ ผ้าทึบเป็นผ้าม่านหลัก เป็นส่วนสำคัญของผ้าม่าน การใช้สีให้เข้ากับบรรยกาศและสถานที่ หรือเข้ากับสิ่งแวดล้อมภายในห้อง โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่ส่วนนี้ ผ้าทึบเอง เป็นตัวหลักสำคัญของผ้าม่าน ช่วยกันร้อน กันแสง กันแดด ให้ความสวยงาม เป็นส่วนตัว 
• ชั้นที่ 3 เป็นกระโปรง ส่วนนี้ใช้เพิ่มความสวยงามโดดเด่นให้กับชุดผ้าม่าน การทำกระโปรงหน้าทำได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีมีแบบให้เลือกมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบตัดโค้ง แบบเรียบๆ แบบตัดชายโค้ง เพิ่มระบาย หรือชายครุย หรือแต่งตามความต้องการซึ่งสามรถแต่งได้ปราศจากข้อจำกัด หรือลูกค้าเองสามารถออกแบบเองได้ หรือจะดูจากแบบหรือคำแนะนำของทางร้านก็ได้ 

ผ้าม่านจีบวินเทจ

ผ้าม่านจีบลายดอกไม้ สไตล์วินเทจ ผ้าม่านจีบ การเลือกใช้ผ้าไม่มีข้อจำกัด ไม่จำกัดว่าต้องเป็นผ้าแบบไหน แต่การเลือกให้เข้ากับการตกแต่ง หรือตามความชอบ สามารถเลือกสีผ้า ลายผ้า เนื้อผ้าให้ไปในแนวทางหรือสไตล์นั้นได้เลย โดยไม่มีข้อจำกัด (คลิ๊กดูข้อควรรู้ก่อนการทำผ้าม่าน)

ติดในกล่อง ใช้รางตัว M 

รางตัว M เป็นรางที่ใช้ติดตั้งได้ทั้งผนังและเพดาน เป็นรางที่มีลูกล้อคู่ จะมีความลื่นไหล ใช้งานคล่อง สะดวกในการรูด เปิด-ปิด มีให้เลือกใช้ ระหว่างเชือกหและด้ามจูง การใช้เชือกดึงเปิดปิด ทำได้ทั้งแบบแยกกลางและเก็บข้าง ถ้าเป็นแบบแยกกลาง เมื่อดึงเชือก ม่านก็จะรูดพร้อมกันทั้งสองชิ้น ส่วนแบบด้ามจูง การเปิดปิดจะอิสระ จะเปิดหรือปิดด้านใดก็ได้ หรือไม่ต้องใช้ด้ามจูงแค่ใช้มือจับผ้าม่านแล้วรูดไปมาตามที่ต้องการก็สามารถทำได้ รางผ้าม่านแบบตัว M ให้ความลงตัวเป็นรางมาตรฐานที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับผ้าม่านแบบจีบ

รางทรงกลม ก็เป็นรางอีกแบบที่ใช้กับผ้าม่านแบบจีบ ความส่วนงามลงตัว ก็ดังที่กล่าวไว้ตอนต้น ซึ่งเป็นตัวเลือกในแง่ความความเหมาะสม ทั้งเรื่องความสวยงาม และการใช้งานชอบแบบไหน ก็เลือกใช้ได้ตามต้องการ อาจมีข้อดีข้อเสียตามข้อจำกัดอาจลองหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ