วิธีซักผ้าม่าน
ผ้าม่านสกปรกแต่มองไม่เห็น
ผ้าม่านนั้นจะต่างจากสิ่งทั่วไป เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา เป็นเรื่องที่หลายคนอาจมองข้าม บางบ้านเป็นปีๆไม่มีโอกาสได้ซัก ลองคิดดูว่าจะเป็นเช่นไร ผ้าม่านสะสมความสกปกไว้แค่ไหน บางคนอาจมองไม่เห็นถึงความสกปรกดังกล่าวได้
อมฝุ่น
ผ้าม่านสกปรก มักมองไม่เห็น
ดูปกติ
บางครั้งอาจมองไม่เห็นถึงความสกปรก
ง่ายกว่าถ้าทำถูกวิธี
ผ้าม่านก็เหมือนข้าวของเครื่องใช้อื่น ที่ต้องทำความสะอาดเป็นตามระยะ การทำความสะอาดผ้าม่าน อาจต่างจากสิ่งของอื่นๆ เมื่อเปื้อนก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้เลย แต่ผ้าม่าน ด้วยที่เป็นผ้าชิ้นใหญ่ต่างจากเสื้อผ้า การซักทำความสะอาดอาจทำได้ยากกว่า ถ้ามีวิธีก็อาจทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
ผ้าม่าน เมื่อฝุ่นเกาะ เราจะมองไม่ค่อยเห็น หลายคนเรียกคือ “อมฝุ่น” หรืออาจจะสกปรกสาเหตุอื่น เช่น จากสัตว์เลี้ยง หมา แมว จากความชื้น ไม่ว่าจะเป็น ไอฝนหรือไอน้ำค้าง หรือจากความไม่ตั้งใจของเราเองที่อาจเผลอเลอทำเปื้อน สิ่งสำคัญ เราไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งเหล่านั้นจะค่อยๆสะสมทุกวัน
ถ้าลองเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น รอบๆตัวเรา เช่นพื้นบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ถ้าไม่ทำความสะอาดสัก 1 อาทิตย์จะเป็นอย่างไร แน่นอนเราจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนนั้นคือ ฝุ่นผง หรือคาบ ทีเกาะติดกับผิวนั้นๆ
โดนความชื้น
โดนน้ำจากน้ำจากแแอร์
คราบน้ำ
ยิ่งนาน จะไม่สามารถซักออกได้
อายุการใช้งานสั้นกว่าที่ควร
นอกจากสะสมสิ่งสกปรกแล้ว ผ้าม่านในแง่ของอายุการใช้งาน ก็จะสั้นลงไปด้วย เพราะว่าสิ่งสกปรกหรือฝุ่นผงต่างๆที่ฝังตัวนั้นจะเป็นตัวทำลาย ทำให้ผ้าม่านเกิดความเสียหายเร็วกว่าปกติได้ เราไม่อาจสังเกตุถึงความผิดปรกตินั้น แต่พอนานๆหลายปีเข้า โครงสร้างหรือเส้นใยของผ้าม่านนั้นจะค่อยๆถูกทำลาย จากฝุ่นผงหรือความสกปรก และเมื่อนำไปซักผ้าม่านอาจจะเปื่อยหยุ่ย ชำรุดและเสียหายไปก็เป็นได้ บางคนอยากซักแต่ไม่รู้วิธี ไม่แน่ใจว่าจะซักได้หรือไม่
ซักตามระยะเวลา
การซักผ้า อย่างน้อย 2 ปีต่อหนึ่งครั้ง
ใช้เวลา
การซักผ้าม่านอาจใช้เวลาและขั้นตอนบ้าง
ควรซักเป็นระยะ ตามเวลาที่กำหนด
ผ้าม่าน หลังจากใช้งานไประยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลา จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด เป็นความจำเป็นสำหรับการใช้งานที่จะให้ได้ความสวยงาม ความปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมถึงอายุการใช้งานที่ยาวนาน
เมื่อถึงเวลา ก็ต้องได้รับการดูแลรักษา การทำความสะอาดที่ดีที่สุดสำหรับผ้าม่านคือการนำไปซัก การซักผ้าม่านเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผ้าม่านสะอาดมากกว่าวิธีอื่น การซักสามารถซักเองได้ไม่ยาก โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
เครื่องซักผ้า
แบบฝาบน และ แบบฝาหน้า
อยากซักแต่เริ่มต้นไม่ถูก
หลายคนอยากซักผ้าม่าน แต่ยังไม่เข้าใจ ยังเริ่มต้นไม่ถูก ร้านผ้าม่านซีเอ.เดคคอร์ ขอแนะนำวิธีการซักผ้าม่าน สำหรับท่านที่ต้องการซักผ้าม่านเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก กรณีเรียกร้านผ้าม่านมาบริการ นอกจากเสียค่าใช้จ่ายในการซักแล้ว ยังต้องเสียในเรื่องของค่าบริการในการมาถอดและนำกลับมาแขวนเข้าที่ การซักผ้าม่าน สามารถซักด้วยตนเองได้ โดยทำตามขั้นตอนที่แนะนำ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่ายในการให้ร้านผ้าม่านหรือร้านรับซักผ้า
ภาพประกอบ จะเป็นการซักม่านตาไก่ และภาพการถอดห่วงตาไก่ออกจากผ้า การถอดโซ่ถ่วง การพับผ้าเพื่อเข้าเครื่อง การประกอบห่วงตาไก่ การทำความสะอาดรางม่าน
รอยเปื้อน
คราบสกปรก เกิดได้หลายสาเหตุ
ควรรีบทำความสะอาด
ไม่ควรปล่อยทิ้งจนคราบสกปรกฝังแน่น
ใช้งานมานาน
ชุดนี้ จะเห็นว่าด้านหลังสีซีด เพราะโดนแดดจัดทุกวัน ประมาณ 7 ปี เคยผ่านการซักมา 2 ครั้ง แต่ถ้าไม่เคยซักมาก่อน ผ้าม่านอาจไม่สามารถซักได้ เมื่อโดนเครื่องปั่น ผ้าอาจเสียหายได้ เนื่องจากผ้าอาจหมดสภาพ
ถอดแค่พอซักไหว
ผ้าม่านชิ้นใหญ่ การซักควรแค่พอไหว ค่อยๆทำ หรือทำทีละห้องก็ได้ ควรทำตำหนิไว้ ว่าชุดไหนเป็นของห้องไหน
ม่านตาไก่
นำผ้าม่านมาถอดตาไก่ออก
งัดตาไก่แยกจากกัน
ใช้มีดปอกผลไม้ งัดแยกตาไก่ออกจากกัน
ตาไก่มี 2 ชิ้น
ประกอบด้วยตัวมีเดือยกับไม่มีเดือน
รูเจาะผ้า
ถอดตาไก่ออกให้เหลือเฉพาะผ้า
วิธีถอดโซ่ถ่วงผ้าม่าน
ใช้ปลายคัตเตอร์ สะกิดเส้นด้ายบริเวณผ้ายึดโซ่ ระยะประมาณ 1 ซม.
ดึงโซ่ออก
เลาะด้ายยึดโซ่ออกทั้งสองด้านแล้วนำโซ่ออก
วิธีพับก่อนนำผ้าเข้าเครื่อง
พับผ้ากลับไปกลับมา หน้าหลัง เมื่อเข้าเครื่องผ้าจะกระจายตัวได้มากกว่า
จัด แยก เก็บอุปกรณ์
แยกอุปกรณ์ ทำเครื่องหมาย ชุดใครชุดมัน
นำเข้าเครื่องซัก
ถ้าผ้าไม่ดำมาก ให้ทำการซักแบบปกติเหมือนซักผ้าทั่วไป ตามความเหมาะสม
ใส่ผ้าตามความสามารถของเครื่อง
ควรใส่ผ้าตามกำลัง ตามขนาดของเครื่องซัก ไม่ควรใส่มากเกินไป ผ้าอาจไม่สะอาดเท่าที่ควร
ใส่ผงซักฟอก
ใส่ผงซักฟอกและควรใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย เพื่อความหอม ทำให้รู้สึกสอาดเพิ่มขึ้น
ปรับโหมดผ้าหนา
ปรับโหมดการซักเป็นโหมดผ้าหน้าหรือผ้าห่ม ผ้านวน ถ้าสกปรกมากควรแช่ทิ้งไว้ก่อนครึ่งชั่วโมง
ทำความสะอาด
ในขณะเครื่องทำงาน ให้มาทำความสะอาดรางม่าน ให้ผ้าชุบน้ำปิดให้หมาดๆ เช็ดให้ทั่ว
เช็คอุปกรณ์อื่น
ทำความสะอาดอุปกรณ์ราง ขาจับ หรือส่วนอื่นๆให้ทั่ว เเตรียมพร้อมหลังซักเสร็จจะได้นำมาแขวน
นำผ้าออกจากเครื่อง
เมื่อซักเสร็จ นำผ้าออกจากเครื่อง โดยนำใส่ตะกร้า
เตรียมนำไปใส่ห่วงตาไก่
ผ้าไม่ยับมากนัก ให้รีบนำไปใส่ห่วงตาไก่เดิมที่ถอด
ประกบคู่
ใส่ห่วงตาไก่เดิมที่ถอดออก
ใส่ให้ถูกด้าน
ตัวที่เป็นเดือยอยู่ล่าง
จัดระยะ
จัดลอนให้เป็นระยะเท่าๆกัน
รอแห้ง
ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
การถอดผ้าม่านออกจากรางหรือราวม่าน
-
- ทำตำหนิ ควรจับคู่ระหว่างผ้าม่านกับรางม่าน เพื่อไม่ให้สลับกัน ป้องกันการสลับชุด หรือสลับชิ้นซ้าย-ขวา ถ้าผิดตำแหน่งจะเสียเวลา
- ปลดม่านออกจากราง ตามที่กล่าวไว้เบื้องต้น ม่านแต่ละแบบ มีความแตกต่าง มีวิธีการไม่เหมือนกัน ม่านจีบถอดตะขอ ม่านตาไก่ถอดห่วงตาไก่ ส่วนม่านพับ ต้องถอดเหล็กออก อาจต้องทำความเข้าใจเพิ่มอีกเล็กน้อย
- ถอดแค่พอซักไหว การถอดเพื่อนำมาซัก ควรเอาแค่พอซักไหวก็พอ เพราะผ้าม่านนั้นค่อนข้างชิ้นใหญ่ มีน้ำหนัก ถ้าซักครั้งละหลายชุดอาจจะหนักเกินไป ต้องใช้เวลาและแรงกายพอสมควร ถ้าซักไม่เสร็จในครั้งเดียว คุณอาจต้องนอน หรืออยู่ในบ้านโดยไม่มีผ้าม่านคอยปิดบัง ไม่ควรถอดทีเดียวทั้งหลัง
- ถอดอุปกรณ์ที่ติดมากับตัวผ้า หลังจากปลดลงมาแล้วให้นำผ้าม่านมาถอด อุปกรณ์ เช่น ตะขอ ตาไก่ โซ่ถ่วง รวมทั้งชายครุย หรืออื่นๆถ้ามี โซ่ถ่วงที่ติดมากับตัวผ้า นั้นปลายสองข้างถูกเย็บติดไว้ ให้เราใช้ใบคัตเตอร์หรือกรรไกรเล็กๆค่อยๆตัดเส้นด้ายตรงส่วนปลายออก ระวังอย่าให้โดนผ้า ให้ตัดออกตามรอยเย็บ ผ้าคล้องหัวโซ่จะหลุดออก ทำอย่างเดียวกันกับอีกด้าน ควรทำเครื่องหมายโซ่ไว้ด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาตอนนำกลับมาใส่
- ซักน้ำเปล่าด้วยมือ หลังจากถอดอุปกรณ์ออกหมดแล้ว นำไปซักน้ำเปล่าในภาชนะที่เตรียมไว้อย่างน้อย 2 น้ำ เพื่อให้ฝุ่นที่ยังไม่ฝังแน่นออกไปก่อน น้ำแรกจะเห็นว่าน้ำนั้นดำมาก และต่อมาทำตามขั้นตอนเดียวกันด้วยน้ำที่สอง ก็จะเห็นความดำของน้ำที่เกิดจากฝุ่นก็จะลดลง
- ซักมือด้วยผงซักฝอกก่อนหนึ่งน้ำ เมื่อผ่านน้ำเปล่าสองน้ำแล้ว ถ้ายังสกปรกหรือมีฝุ่นฝังแน่นมาก ควรซักด้วยผงซักฟอกก่อน คือเอาแค่พอไหว อาจจะหนักบ้าง เป็นการซักไล่ฝุ่นที่เกาะค้างออกให้มากที่สุด
- นำเข้าเครื่องซัก ต่อมา ให้นำเข้าเครื่องซัก ไม่ว่าจะเป็นฝาหน้า หรือฝาบน อาจมีความต่างในแง่ของคุณสมบิติของเครื่อง ถ้าสกปรกมาก ควรแช่ทิ้งไว้ ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกอ่อนตัวตามสภาพหรืออย่างน้อย 30 นาที ( เครื่องฝาหน้า ถนอมผ้า ประหยัดน้ำและสะอาดมากกว่าเครื่องฝาบน แต่อาจใช้เวลามากกว่าและจุผ้าได้น้อยกว่าในการรับน้ำหนักผ้าที่เท่ากัน)
- ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มในช่องของเครื่องซักผ้า ขณะเครื่องเริ่มทำงานให้ใส่น้ำส้มสายชูประมาณครึ่งถ้วยต่อผ้าม่านประมาณ 7-9 กก. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสกปรกของผ้าม่าน (น้ำส้มสายชูอาจใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ให้ดูสภาพของผ้าม่าน ใส่เฉพาะถ้ามีคราปฝังแน่น )
- ในกรณีผ้าม่านเป็นคราบเชื้อรา หรือรอยคราบน้ำจากละอองฝน ให้ใส่เกลือลงไปด้วยประมาณครึ่งถ้วย จะช่วยขจัดคราบเพิ่มขึ้น สำหรับคราบที่ฝังแน่นที่สะสมเป็นเวลานาน อาจต้องใช้สเปรย์หรือน้ำยาจัดคราบช่วยอีกทางหนึ่ง
- ข้ามข้อ 5-10 ถ้าผ้าม่านปรกติ ไม่มีฝุ่นหรือคาบสกปรกมาก ให้ข้ามขั้นตอน ข้อที่ 5-10 ได้เลย
- ตั้งโปรแกรมซักผ้าหนา ควรตั้งโปรแกรมซักผ้าหนา และตั้งให้เครื่องล้างน้ำ 2 ครั้ง (ไม่ควรซักน้ำร้อน เพราะอาจทำผ้าม่านบางชนิดเสียหายได้) ถ้าผ้าม่านชิ้นใหญ่ให้ใส่ผ้าขนหนู 2-3 ผืนที่ไม่ใช้แล้ว (ผ้าขนหนูปรับความสมดุลของเครื่องซักผ้า ช่วยรักษาผ้าม่านไม่ให้เกิดความเสียหายได้ส่วนหนึ่ง)
- ทำควรมสะอาดรางม่าน หลังใส่ผ้าลงเครื่องซัก ช่วงที่รอ ควรกลับไปทำความสะอาดรางม่าน ซอกมุม ชิ้นส่วน และบริเวณรอบๆ รางม่าน เพื่อเตรียมพร้อมให้การนำม่านกลับมาแขวน
- ซักเสร็จ หลังจากเครื่องปั่นหมาดแล้ว เสร็จสิ้นการซัก ให้รีบนำออกจากเครื่องทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ นำมาใส่ตะขอม่าน หรือตาไก่ ไม่ต้องใส่โซ่ถ่วง รีบนำไปแขวนที่รางม่านเดิมที่ถอดมา จัดจีบม่านให้เข้าที่ตามเดิม ให้เหมือนก่อนถอด (ทั้งนี้การแขวนม่านทันทีหลังซักเสร็จจะทำให้ผ้าม่านไม่ยับมากนัก ผ้าบางชนิดไม่จำเป็นต้องรีดเลยก็เป็นได้)
- รูดปิดม่านให้ทุกส่วนสัมผัสอากาศ เปิดประดู-หน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่นานผ้าม่านก็จะแห้ง และกลับมาใหม่เหมือนเดิม
- นำโซ่ถ่วงมาใส่เข้าที่จุดเดิม และใช้เข็มสอยปิดหัวปิดท้าย ความจริงผ้าม่านไม่จำเป็นต้องใส่โซ่ถ่วงก็ได้ ถ้าผ้านั้นมีน้ำหนักพอ ให้สังเกตุดูว่าในขณะไม่ใส่โซ่ผ้าม่านเป็นอย่างไร ถ้าใส่จะดีกว่าเดิมหรือไม่ โซ่ไม่มีผลต่อผ้าม่านมากนัก ลองเปรียบเทียบดูก่อน แค่นี้ก็เป็นการเสร็จสิ้นการซักผ้าม่านเรียบร้อยครับ
หมายเหตุ ผ้าม่านบางชนิดอาจมีวิธีการดูแลรักษาเฉพาะ ควรดูข้อมูลการดูแลรักษาผ้าที่ตัวอย่างในแคตตาลีอกตอนเลือกผ้าม่าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผ้าทุกตัวจะมีรายละเอียดบอกไว้ที่ด้านหลังตัวอย่างผ้า
Tel : 02-432-6693 , 02-432-6697
Mobile : 080-045-3939
Line : @ca99 หรือ c889